กาแฟดำ น้ำขิง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คุณประโยชน์เพียบ

กาแฟดำ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและตะวันออกกลาง ที่มีการดื่มกาแฟดำมายาวนานกว่า 500 ปี ตั้งแต่ยุคสมัยที่กาแฟถูกค้นพบและเผยแพร่จากแอฟริกาไปยังดินแดนต่าง ๆ เช่น ในกลุ่มประเทศอาหรับ จนมาถึงช่วงปี 2020 มีความนิยมในการดื่มกาแฟไปทั่วโลกแล้วประมาณ 9,980,760,000 กรัม โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกา บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ดื่มการแฟมากที่สุดตามลำดับ [1]

แต่การนำกาแฟดำกับน้ำขิงมาผสมกันให้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนั้น เริ่มต้นที่ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประเพณีการดื่มกาแฟดำมาอย่างยาวนานและมีความเกี่ยวข้องกับกาแฟอย่างลึกซึ้งในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น

การผสมผสานของกาแฟดำกับน้ำขิงในประเทศตุรกี ถือเป็นการเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการปรับปรุงรสชาติของกาแฟดำให้มีกลิ่นหอมและมีความเผ็ดร้อนของขิงที่มีส่วนช่วยเสริมคุณประโยชน์ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและมีส่วนช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น นอกจากนี้ ขิงยังมีสรรพคุณช่วยในด้านการย่อยอาหารและการบรรเทาอาการคลื่นไส้ กาแฟดำผสมน้ำขิงจึงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่นิยมดื่มกันในช่วงฤดูหนาวหรือในช่วงที่ต้องการเสริมสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายจากภายใน [2]

และต่อมาในบางประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือก็มีการนำกาแฟดำมาผสมกับน้ำขิงให้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น ประเทศอียิปต์ และบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เริ่มมีการนำกาแฟดำมาผสมน้ำขิงเพื่อดื่มเพิ่มความสดชื่นและคุณประโยชน์ทางสุขภาพด้วยเช่นกันโดยเฉพาะในประเทศไทย

การดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ หรือชื่นชอบเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีรสชาติพิเศษแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ “กาแฟดำผสมน้ำขิง” หรือ “อเมริกาโน่น้ำขิง” ถูกยกให้เป็นเครื่องดื่มสุด Love ของสายเฮลตี้ ที่ดื่มได้ดื่มดี ไม่ต้องมีกลัวอ้วน อีกทั้งกาแฟดำประโยชน์ที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นหอมกรุ่น รสชาติขมเข้มข้น กับน้ำขิงที่มีกลิ่นรสเผ็ดร้อน ผสมผสานกันจนเกิดเป็นกลิ่นรสที่แปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ มีความสดชื่น ลงตัว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการลองรสชาติใหม่ ๆ แต่ได้สุขภาพดี และทำให้กาแฟดำผสมน้ำขิงกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมในร้านกาแฟและบาร์กาแฟหลายแห่งในประเทศไทย

• ร้านกาแฟและคาเฟ่หลายร้านในประเทศไทย มีการเพิ่มเมนูกาแฟดำผสมน้ำขิง หรือเริ่มนำกาแฟดำผสมน้ำขิงมาเป็นเมนูพิเศษ หรือ เมนูแนะนำ เช่น ในร้านกาแฟที่มีแนวทางของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชัดเจน หรือเน้นความเป็นธรรมชาติของส่วนผสม จะมีเมนูเครื่องดื่มกาแฟขิง Caffeine & Ginger ซึ่งมีส่วนผสมเป็นกาแฟดำเข้มข้นกับน้ำขิงสด ๆ
• ร้านกาแฟบางร้านได้พัฒนาเมนูกาแฟดำผสมน้ำขิงที่ไม่ใส่น้ำตาล หรือใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ เช่น ใบหญ้าหวานสกัด หรือ ซูคราโลส เป็นส่วนผสมให้ความหวานแทนน้ำตาล ทำให้กาแฟดำผสมน้ำขิงกลายเป็นเครื่องดื่มทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ
• ร้านกาแฟออนไลน์และแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความนิยมที่เพิ่มขึ้นในตัวเครื่องดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิง และมีร้านกาแฟหลายแห่งเริ่มเสนอเมนูนี้ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Grab, หรือ LINE MAN หรือ Foodpanda ที่ทำให้คอกาแฟเพื่อสุขภาพสามารถเข้าถึงและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงได้ที่บ้านแบบง่าย ๆ
• เริ่มมีความคึกคักของการทำตลาดในช่องทางสื่อออนไลน์ ด้วยเพราะว่าความนิยมของกาแฟดำผสมน้ำขิงได้รับการตอบรับมากยิ่งขึ้น ร้านกาแฟหลายแห่งเริ่มโพรโมตเมนูกาแฟดำผสมน้ำขิงในช่องทางออนไลน์ มีการส่งเสริมการขายผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในด้านสุขภาพและรสชาติความอร่อยของกาแฟดำผสมน้ำขิง ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้าที่สนใจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและรสชาติที่แตกต่างแต่พิเศษ เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยมีความคิดเห็นจากคอกาแฟในโซเชียลมีเดียที่เคยทดลองดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิง และได้แชร์ประสบการณ์ดื่มเข้ามาในโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ Pantip บอกถึงความว้าว ความรู้สึกที่ดี หลังดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิง ซึ่งช่วยกระตุ้นให้นักดื่มกาแฟท่านอื่นสนใจลองดื่มตาม

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP  ยังได้ตอกย้ำถึงเทรนด์เครื่องดื่มยอดนิยมในปี 2024 ที่ผ่านมาว่า เป็นปีที่ผู้บริโภคคนไทยได้สัมผัสกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลาย แต่มุ่งเน้นไปที่การมีสุขภาพที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ทางโภชนาการที่แตกต่างกัน ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยเฉพาะพืช ผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรต่าง ๆ จากทั่วโลก เพื่อให้ได้รสชาติใหม่ที่แตกต่าง และสามารถเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องเรียนรู้เทรนด์ รสนิยม และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อที่จะสามารถให้บริการและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้แบบไม่ตกเทรนด์ [13]

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำขิงผสมกาแฟดำประโยชน์เพียบ
กาแฟดำ และ น้ำขิง ต่างเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน โดยทั้งสองเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพต่างมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายดังนี้



กาแฟดำ (Black Coffee)
กาแฟดำประโยชน์มากมายที่ยกให้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดนิยมของคนทั่วโลก ด้วยความที่กาแฟดำมีกลิ่นหอมอโรมาอันเป็นเอกลักษณ์จากเมล็ดกาแฟคั่วบดที่เราเรียกว่ากาแฟดำ และสามารถนำเมล็ดกาแฟดำนั้นไปทำเป็นเครื่องดื่มกาแฟได้หลากหลายเมนู เช่น กาแฟเอสเพรสโซ กาแฟอเมริกาโน่ กาแฟคาปูชิโน กาแฟมอคค่า กาแฟลาเต้ โดยเฉพาะเครื่องดื่มกาแฟดำที่ไม่ผสมน้ำตาลหรือครีมเทียม จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากกลุ่มคนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง เพราะนอกจากกาแฟดำจะมีรสชาติอร่อยเข้มข้นแล้ว กาแฟดำยังมีงานศึกษาวิจัยรับรองมากมายที่ต่างยอมรับในคุณประโยชน์ของกาแฟดำ

กาแฟดำ หรือ Black Coffee เป็นกาแฟที่ผ่านการคั่ว บด ชง อย่างพิถีพิถัน เป็นการชงกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาล นม ครีมเทียม หรือส่วนผสมอื่นใดลงไปนอกจากกาแฟและน้ำเท่านั้น จึงคงคุณประโยชน์ในความเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของกาแฟไว้ได้อย่างแท้จริง โดยกาแฟดำ 1 แก้ว ปริมาณ 240 กรัม ให้พลังงาน 2.4 กิโลแคลอรี มีวิตามิน แร่ธาตุ และคุณค่าทางโภชนาการ เช่น โปรตีน 300 มิลลิกรัม, โพแทสเซียม 118 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 7.2 มิลลิกรัม, โซเดียม 4.8 มิลลิกรัม, แมกนีเซียม 7.2 มิลลิกรัม, โคลีน (Choline) 6.2 มิลลิกรัม, แคลเซียม 4.8 มิลลิกรัม, โฟเลต 4.7 มิลลิกรัม [ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture หรือ USDA)]

และในความเป็นกาแฟดำนั้น จะมีรสชาติที่แตกต่างจากกาแฟดำใส่นมทั่วไป ด้วยความมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟดำคือมีรสขม เข้มข้น และมีความเปรี้ยวของกาแฟแทรกอยู่ (เปรี้ยวมากน้อยอยู่ที่ระยะเวลาของการคั่ว) และแม้อาจมีบ้างที่กาแฟดำจะไม่ถูกปากใครหลายคน แต่สำหรับคอกาแฟสายเฮลตี้แล้วนั้น กาแฟดำคือหนึ่งในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีเสน่ห์และดึงดูดใครอีกหลายคนให้พยายามจะเข้าถึงความเป็นคอกาแฟดำให้ได้ [5]

กาแฟดำประโยชน์ (Black Coffee) ที่ควรรู้

กาแฟดําประโยชน์ช่วยลดน้ำหนัก
การดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่ครีมเทียม นมข้นหวาน น้ำตาล หรือสารให้ความหวานอื่น ๆ  ที่มีปริมาณแคลอรี อาจช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ เนื่องจากกาแฟดำมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารสำคัญในกลุ่มแซนทีนอัลคาลอยด์ (Xanthine alkaloids) หรือสารออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนที่จะไปทำปฏิกิริยากับกรดไขมันในร่างกาย ส่งสัญญาณให้กระบวนการสลายไขมันทำงานหนักขึ้น จึงอาจเป็นประโยชน์ในการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกาย การดื่มกาแฟดำก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 นาที จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาผลาญไขมันไปเป็นพลังงานได้มากขึ้น

มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the International Society of Sports Nutrition มกราคม 2564 ที่ศึกษาในเรื่องของกาแฟดำและพบว่ากาแฟดำมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วนได้  โดยมีการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟดำ และอัตราการเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้มากที่สุด (Maximal Fat Oxidation หรือ MFO) จากการทดสอบด้วยวิธีการออกกำลังกาย (Graded Exercise Testing หรือ (GXT) โดยให้กลุ่มตัวอย่างผู้ชายจำนวน 15 คน อายุประมาณ 25-39 ปี ที่ไม่ได้ดื่มกาแฟดำทุกวัน รับประทานคาเฟอีน หรือยาหลอก ในปริมาณ 3 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ก่อนการออกกำลังกาย เป็นเวลา 7 วัน พบว่าการรับประทานคาเฟอีนก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 นาที มีอัตราการเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้มากที่สุด ประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันสูงสุดขณะที่ออกกำลังกาย และประสิทธิภาพในการใช้ออกซิเจนสูงสุดขณะออกกำลังกายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการรับประทานยาหลอก

และมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition Research สิงหาคม 2563 ได้ศึกษาเกี่ยวกับผลของคาเฟอีนต่อกระบวนการเมตาบอลิซึม กระบวนการอักเสบจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และสมรรถภาพทางกาย พบว่า คาเฟอีนสามารถใช้เป็นสารเออร์โกเจนิก (Ergogenic aids) หรือสารเพิ่มสมรรถภาพทางกายที่ใช้กระตุ้นความสามารถในการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ [6] [7]

กาแฟดําประโยชน์ดีต่อหัวใจ
มีงานศึกษาวิจัยมากมายที่บอกถึงข้อดีของการดื่มกาแฟดำว่า การดื่มกาแฟดำในปริมาณที่พอดี (ต้องไม่ใช่กาแฟดำที่มีส่วนผสมของนม น้ำตาล และครีมเทียม)

มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและลดอัตรการเสียชีวิตจากการเป็นโรคหัวใจได้ เมื่อดื่มกาแฟดำเป็นประจำในปริมาณ 2-4 แก้ว/วัน (ปริมาณของการดื่มกาแฟดำที่ดีที่สุดคือ 3.5 แก้ว/วัน) มีส่วนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟดำ และยังมีอีกหลายชิ้นงานวิจัยที่ยืนยันว่าการดื่มกาแฟดำในปริมาณที่เหมาะสม มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ และยังสามารถลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้สูงถึง 21% [9] [10]
มีงานวิจัยศึกษาจากคลังข้อมูลชีวภาพ (Biobank) หรือฐานข้อมูลชีวการแพทย์ขนาดใหญ่ที่จัดเก็บตัวอย่างทางชีววิทยาสำหรับการวิจัย และเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการวิจัยทางการแพทย์ ในปี 2021 เรื่องการดื่มกาแฟดำเป็นประจำ 0.5 - 3 แก้วต่อวัน มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงหรือลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟดำ [15]

กาแฟดำประโยชน์มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant เช่น วิตามิน B2, B3, B5, แมงกานีส, โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ช่วยลดสารอนุมูลอิสระ ไม่ให้สร้างความเสียหายกับเซลล์ อีกทั้งช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดการเกิดโรคต่าง ๆ และชะลอความเสื่อมของร่างกายอีกด้วย อีกทั้งการดื่มกาแฟดำช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าการดื่มกาแฟนม เพราะมีงานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทดลองเติมนมลงในชาที่มีสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล (Polyphenols) และพบว่า การดื่มชาเติมนมลงไปหรือมีส่วนผสมของนมนั้น ทำให้ลดการดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล ส่งผลทำให้ร่างกายไม่ได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเต็มที่ ซึ่งกาแฟดำเป็นเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนและสารต่อต้านอนุมูลอิสระคล้ายกับชา ดังนั้นการดื่มกาแฟที่มีนมเป็นส่วนประกอบจึงอาจลดการดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระได้เช่นกัน [14] [16]

และมีข้อสรุปในบทความออนไลน์ของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย เรื่อง “กาแฟดำประโยชน์ที่คนรักสุขภาพควรรู้” ว่าในกาแฟดำมีนิโคติน (แต่เป็นคนละชนิดที่พบในบุหรี่ มีคุณลักษณะใกล้เคียงวิตามินB ชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ) ที่มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ คาเฟอีนในกาแฟดำช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น จึงมีส่วนช่วยบรรเทาหรือลดอาการปวดศีรษะ ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และมีผลการศึกษาวิจัยที่พบว่าคาเฟอีนช่วยลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้า ทำให้สมาธิดีขึ้น เพิ่มความสามารถในการจดจำ แต่ควรดื่มกาแฟดำในปริมาณที่พอเหมาะ [16]



น้ำขิง (Ginger Drink)
น้ำขิงอุดมไปด้วยจินเจอร์รอล (gingerol) สารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มฟีนอล และมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เนื่องจากมีงานวิจัยที่วิเคราะห์สารสำคัญในขิงว่าจินเจอร์รอลดีจริง จึงมีการพัฒนาขิงให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในภาวะที่ต้องการต้านอนุมูลอิสระ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ทรงพลังของขิง ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายนั่นเอง [15] [16] [17]

มีข้อมูลจาก “ขิง สมุนไพรเพื่อการบำบัด” หนึ่งในหนังสือชุดอาหารและสุขภาพ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สมิต หน้าที่ 63 “ขิงมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของร่างกายในการต่อต้านโรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อไวรัส โรคไอ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ตลอดจนโรคติดเชื้อที่ไม่รุนแรงทุกชนิด” และ หน้าที่ 64 “วงการแพทย์แผนปัจจุบันที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือในการวิจัยที่ทันสมัย ยังยอมรับว่าขิงมีสรรพคุณดีเยี่ยมในการบำบัดอาการไอและรักษาโรคหวัด”

ดื่มทุกวันน้ำขิงช่วยป้องกันโรคหวัด เพราะการดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน ทำให้สารจินเจอร์รอลในขิง ต่อสู้กับเชื้อไวรัสโรคหวัด และอีกหนึ่งสารสำคัญในขิงคือ โชเกล (shogaol) ยังช่วยบรรเทาอาการไอ ตำรับยาที่มีขิงเป็นส่วนประกอบ หรือขิงในรูปแบบของเครื่องดื่มร้อนจะมีฤทธิ์แก้ไอ และรักษาอาการหวัดได้ น้ำหอมระเหยจากขิงยังมีส่วนช่วยให้หายใจสะดวกมากขึ้นในช่วงที่เป็นหวัดคัดจมูก [18] [19]

น้ำขิง ยังจัดให้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีส่วนช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ ได้ดี โดยมีงานวิจัยศึกษาพบว่าการดื่มน้ำขิงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากการเมารถเมาเรือ, บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยหลังการผ่าตัด, บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบําบัด, บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อที่มาจากการออกกำลังกาย, ลดการอักเสบในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม, ลดการสูญเสียเลือดประจำเดือน, ช่วยบรรเทาอาการในปู้ป่วยไมเกรน และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

การดื่มน้ำขิงยังมีส่วนช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน มีส่วนช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น โล่ง ผ่อนคลาย มีพลังในการดำเนินชีวิตหรือพลังในการทำงาน เพราะสารจินเจอร์รอลและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในน้ำขิงมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท และสามารถส่งผลกระทบต่อสารเซโรโทนิน ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ สามารถช่วยลดระดับของความเครียด ความวิตกกังวล และความอ่อนเพลียทางสมอง

ความนิยมในการดื่มน้ำขิง มักนิยมดื่มในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว หรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เพราะขิงมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่มีความเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการดื่มเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่มักสร้างปัญหาให้กับสุขภาพร่างกายให้เจ็บไข้ได้ป่วยหรือเป็นหวัดบ่อย ๆ อีกทั้งมีผลการศึกษาที่พบว่า การดื่มน้ำขิงมีส่วนช่วยป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ มีประสิทธิภาพในการต่อต้านการสะสมของเชื้อไวรัสบริเวณเยื่อบุผิวทางเดินหายใจด้วยการป้องกันการยึดเกาะหรือการแพร่เข้าสู่เซลล์ร่างกายของไวรัสได้

การดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงจึงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่หลายคนเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิง หรือดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงในระหว่างวัน เพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์ของการดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงไปพร้อม ๆ กัน ดีกว่าแยกกันดื่ม ที่สำคัญ คุณค่าทางโภชนาการของกาแฟดำและของน้ำขิง ต่างช่วยกันเสริมประสิทธิภาพและคุณประโยชน์ให้แก่กันและกันแบบคูณสองเลยทีเดียว

กาแฟดำผสมน้ำขิง ดื่มตอนไหนก็ดี

1. ดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงยามเช้าตรู่ 
หากคุณเป็นคนตื่นเช้า ช่วงเวลาประมาณ ตี 5 - 6 โมงเช้า นั้นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การชงกาแฟดำผสมน้ำขิงดื่มอุ่น ๆ มีส่วนช่วยร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มีการขับถ่ายที่ดีในตอนเช้า และช่วยกระตุ้นให้ระบบภายในร่างกายเตรียมความพร้อมในการเผาผลาญพลังงานที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังมื้ออาหารเช้า

2. ดื่มกาแฟดำผสมน้ำขิงหลังมื้อเช้าและมื้อเที่ยง
ทั้งกาแฟดำและน้ำขิงต่างมีคุณค่าทางโภชนาการในการช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีส่วนช่วยกระตุ้นการดูดซึมสารอาหารและเพิ่มพลังการเผาผลาญพลังงานที่ได้จากอาหาร กาแฟดำผสมน้ำขิงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ดื่มแล้วสร้างความรู้สึกดีหลังมื้ออาหาร และในบางมื้อที่กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักมากและต้องการผู้ช่วยในการย่อย การชงกาแฟดำผสมน้ำขิงดื่มสักแก้ว ช่วยได้ดีทีเดียว

และโดยรวมแล้ว กาแฟดำผสมน้ำขิงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความใส่ใจในสุขภาพ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความสดชื่นของกาแฟดำและคุณสมบัติทางยาและความเผ็ดร้อนของน้ำขิง โดยคำนึงถึงรสชาติและคุณประโยชน์ที่ได้จากกาแฟดำและน้ำขิงนั่นเอง



เมนูเครื่องดื่มแนะนำ
กาแฟดำผสมน้ำขิง

ส่วนผสม

1. กาแฟดำ คั่วกลาง หรือ กาแฟดำผง แบบซอง  ½ แก้ว
2. ขิงผงสำเร็จรูป หรือขิงสด ½ แก้ว
3. น้ำแข็ง (สำหรับชงเย็น) 1 แก้ว

วิธีทำ

1. ดื่มร้อน: ชงกาแฟ ผสมกับน้ำขิงที่ต้มจากขิงสด เอาเฉพาะน้ำขิง หรือชงจากขิงผงคุณภาพดี
2. ดื่มเย็น: ตักน้ำแข็งให้เต็มแก้ว แล้วเทน้ำขิงลงไปก่อน ตามด้วยกาแฟดำ จะได้กาแฟดำผสมน้ำขิง หอมเย็นชื่นใจ

ได้สูตรอเมริกาโน่น้ำขิง หรือ กาแฟดำผสมน้ำขิงแสนอร่อยกันแล้ว ก็พร้อมเข้าครัวกันได้เลย หรือจะเลือกลองทำเมนูกาแฟดำผสมน้ำขิงตามแบบสูตรฮิตในติ๊กตอก ก็ทำง่ายเช่นกัน ลองเลย...

---

ที่มา
[1] 18 เทรนด์กาแฟที่คนขายและคนดื่มต้องตาม
[2] REDWOOD Coff / กาแฟกับเครื่องเทศ / BY PIANOMAN
[3] เรื่องนี้ต้องขิง! ซด 5 เครื่องดื่มขิงๆ กินเพิ่มภูมิ
[4] 5 วิธีกินขิง เพิ่มการเผาผลาญ กับอาหารมื้อเช้า ลองยัง! 
[5] 8 ประโยชน์ของ “กาแฟดำ” แคลอรีต่ำ มีวิตามิน ดีต่อสุขภาพ / ไทยรัฐออนไลน์
[6] กาแฟดํา ช่วยเผาผลาญ ได้จริงหรือไม่ / โภชนาการเพื่อสุขภาพ / การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก / hello คุณหมอ
[7] กาแฟ ประโยชน์และโทษต่อสุขภาพที่ควรรู้ / POPPAD
[8] ประโยชน์ของกาแฟดำที่ "คนรักสุขภาพ" ควรรู้ / สำนักโภชนาการ / กรมอนามัย
[9] ข้อดี-ข้อเสียของกาแฟ / คลินิกสุขภาพเชิงป้องกัน และฟื้นฟู
[10] HEART COFFEE HEALTH  บทความโดยโรงพยาบาลพระรามเก้า
[11] ผลการวิจัยเผย ดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและภาวะสมองเสื่อม / สำนักโภชนาการ กรมอนามัย 
[12] ประโยชน์ของกาแฟดำ แคลอรี่น้อย ดีต่อสุขภาพ / POPPAD
[13] เทรนด์เครื่องดื่มยอดนิยมปี 2024 / กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ - DITP  
[14] ขิง สมุนไพรเพื่อการบำบัด / ศักดิ์ บวร / สำนักพิมพ์สมิต / หนังสือชุดอาหารและสุขภาพ / พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2542
[15] วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 37 ฉบับที่3 กรกฎาคม – กันยายน 2557 หน้าที่ 297 – 312 องค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของน้ำมันหอมระเหยขิง
[16] วารสารเกษตรพระจอมเกล้า 2560 : 35 (2) : 31- 40 ผลของการใช้ขิงเป็นระยะเวลานานต่อการตอบสนองของปริมาณเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และความต้านทานโรคต่อเชื้อ Streptococcus agalactiae ในปลานิล
[17] คนญี่ปุ่นพิสูจน์ กิน "ขิง" ติดต่อกัน 1 เดือนมีผลดีต่อร่างกายอย่างไร? / สา’สุขชัวร์ / กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
[18] หมอชาวบ้าน / บทความสุขภาพน่ารู้ / ขิง: ยาดีที่โลกรู้จัก
[19] ขิง - คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม