Home Fit Trend FOOD FOR FIT ชาระบายกลายเป็นชาเฮลท์ตี้ ดื่มชาชงสมุนไพรไม่มีเชย คนยุคใหม่ต้องลอง!

ชาระบายกลายเป็นชาเฮลท์ตี้ ดื่มชาชงสมุนไพรไม่มีเชย คนยุคใหม่ต้องลอง!

ในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ คนรุ่นใหม่อาจไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องของระบบขับถ่ายเท่าที่ควร ทำให้หลายคนประสบปัญหาในเรื่องท้องผูก ระบบขับถ่ายที่ไม่ป็นปกติ ที่มีสาเหตุมาจากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ กินอาหารไม่ครบหมู่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ นั่งทำงานนาน หรือดื่มน้ำน้อย แต่รู้หรือไม่ว่าในขณะที่ยาระบายถูกมองว่าเป็นของเก่า ล้าสมัย “ชาชงสมุนไพร” กลับกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ทั้งสายเฮลท์ตี้ สายชา และสายดูแลตัวเองเริ่มหันมาสนใจกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

ชาชงสมุนไพรคืออะไร?
ชาชงสมุนไพร (Herbal Infusion / Herbal Tea) คือการนำสมุนไพรหลากชนิดมาอบแห้งและบรรจุเป็นซอง หรือแบบชง เพื่อให้ผู้บริโภคชงดื่มง่ายเหมือนชา แต่ไม่ได้มีคาเฟอีนเหมือนชาธรรมดาทั่วไป และมักมีสรรพคุณเฉพาะทางของสมุนไพรนั้น ๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดว่า “ชาชงสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการระบาย” คือชาที่ต้องดื่มตอนท้องผูก หรือดื่มแล้วต้องวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ความจริงแล้ว ชาชงสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการระบายในปัจจุบันมีหลายสูตรที่ทำให้ร่างกายขับของเสียอย่างนุ่มนวล และช่วยปรับสมดุลลำไส้มากกว่าจะเร่งถ่าย บางสูตรยังผสมสมุนไพรที่ช่วยเรื่องของ การย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด และช่วยให้หลับสบาย กลายเป็นชาชงสมุนไพรที่เหมาะกับการดื่มทุกวัน โดยไม่รู้สึกเหมือนกำลังกินยาเลย เช่น ช่วยระบาย, เมื่อมีอาการท้องผูก, ช่วยขับลม, ลดกรดในกระเพาะ, เสริมภูมิคุ้มกัน และอื่น ๆ

ประโยชน์ของการดื่มชาชงสมุนไพร
  • ช่วยระบาย บรรเทาอาการท้องผูก
  • ขับลม ลดอาการแน่นท้อง
  • กระตุ้นการทำงานของลำไส้อย่างอ่อนโยน
  • ดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยวิธีธรรมชาติ
  • ช่วยให้รู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด
  • เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่มักไม่ค่อยได้กินผักผลไม้ครบทุกมื้อ



4 สมุนไพรเด่นใน “ชาชงสมุนไพรเวอร์ชันคนยุคใหม่”
ดื่มง่าย ช่วยระบาย ดูแลลำไส้แบบไม่เชย!

คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับคำว่า “ยาระบาย” สักเท่าไรนัก เพราะฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวหรือดูโบราณ แต่ในความเป็นจริงนั้น ปัญหา "ท้องผูกเรื้อรัง" และ "ลำไส้แปรปรวน" กลับพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มวัยทำงานและคนเมือง และนั่นจึงทำให้ “ชาชงสมุนไพร” กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ ทั้งปลอดภัย ดื่มง่าย และดูดีเมื่อเสิร์ฟในแก้วมัคมินิมอล

และนี่คือ 4 สมุนไพรไทย ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในสูตรชาชงช่วยระบายแบบยุคใหม่



1. ใบมะขามแขก (Senna Leaves) ใช้ในชาชงสูตรช่วยระบายเบื้องต้น และเป็นตัวหลักในสูตรชาชงที่ช่วยในการขับถ่าย
  • มีสารสำคัญชื่อ Sennosides (A & B) ในกลุ่ม แอนทราควิโนน
  • ช่วยกระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้บีบตัว ขับอุจจาระออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ออกฤทธิ์ภายใน 6-12 ชั่วโมง หลังดื่ม จึงเหมาะสำหรับการชงดื่มก่อนนอน
  • มักใช้เป็นพื้นฐานในชาชงสมุนไพรสูตรช่วยระบายทั่วไป
ข้อแนะนำ: เริ่มจากชงอ่อนก่อน ดื่ม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 7 วันหากไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ



 2. ฝักมะขามแขก (Senna Pods)
  • มีสาร Sennosides เช่นเดียวกับใบมะขามแขก แต่ในปริมาณที่น้อยกว่า
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยกินชาสมุนไพรมาก่อน หรือต้องการผลและการออกฤทธิ์ของตัวยาแบบ “อ่อนโยน” ต่อระบบลำไส้
  • มักใช้ร่วมกับใบมะขามแขก เพื่อปรับสมดุล ควบคุมความแรงของฤทธิ์สมุนไพร
  • รสชาติกลมกล่อมกว่า ดื่มง่ายกว่าชาชงสมุนไพรที่มีแต่ใบมะขามแขกอย่างเดียว
ข้อดี: ช่วยให้ชาชงมีสมดุลระหว่าง “การระบาย” กับ “การถนอมลำไส้”



 3. เหง้าโกฐน้ำเต้า (Rheum palmatum)
  • ช่วยบรรเทาอาการ แน่นท้อง ท้องอืด ขับลม และช่วยให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น
  • มีฤทธิ์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ขับถ่ายยากจากการย่อยไม่สมบูรณ์
  • มีสารสำคัญคือ Atractylodin และ β-eudesmol ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในลำไส้
  • มักใช้ในสูตรชาชงสำหรับคนที่มีลักษณะ “ธาตุหนัก” หรือแนวโน้มขับถ่ายช้า
จุดเด่น: ช่วยให้รู้สึกเบาสบาย ไม่แน่น ไม่อืด พร้อมดื่มชาชงต่อเนื่องได้ในระยะยาว



4. ผลสมอไทย (Terminalia chebula)
  • มีรสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย อุดมไปด้วยแทนนิน (Tannins) ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้
  • ออกฤทธิ์ระบายแบบอ่อนโยน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง หรือระบบขับถ่ายอ่อนแอ
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงลำไส้ให้แข็งแรง หากใช้ต่อเนื่อง
  • เป็นหนึ่งใน “ตรีผลา” (สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม) ตำรับยาสมุนไพรที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งใช้ทั้งระบายและบำรุงร่างกาย
ข้อดี: เป็นสมุนไพรที่ไม่ใช่แค่ช่วยในการระบายหรือขับถ่าย แต่ยังช่วยฟื้นฟูลำไส้ในระยะยาว

ดื่มชาชงสมุนไพรไม่มีเชย ทั้งได้ความเฮลท์ตี้และยังมีกลิ่นรสที่ดื่มง่าย
เมื่อก่อนเวลาใครพูดถึง “ชาระบาย” หรือ “ชาชงสมุนไพร” หลายคนอาจนึกถึงกลิ่นแรง ๆ รสฝาด ๆ และภาพจำที่ดูเหมือนยาจีนหรือน้ำชาของคนสูงวัย แต่ยุคนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะชาชงสมุนไพรได้ถูกพัฒนาให้ทันสมัยขึ้นทั้งในเรื่องของ รสชาติ กลิ่น และประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพแต่ยังอยากได้ความรู้สึกสดชื่นและดื่มง่าย

กลิ่นและรสชาติที่ทำให้ชาชงสมุนไพรหรือชาเฮลท์ตี้ดื่มง่ายขึ้น
เพื่อให้ชาชงสมุนไพรเข้าถึงง่ายและถูกปากมากขึ้น ชาชงสมุนไพรหลายสูตรจึงมีการผสม กลิ่นหอมและรสชาติจากธรรมชาติ เข้าไป เช่น
  • กลิ่นมะนาว สดชื่น กระตุ้นระบบย่อย
  • กลิ่นสตรอว์เบอร์รี / แบล็คเคอร์แรนท์ – หอมหวาน มีความเป็นเบอร์รี
  • กลิ่นเก็กฮวย หอมอโรมา สดชื่น เหมาะกับหน้าร้อน
  • รสใบชาเขียว เพิ่มมิติแบบชาแท้ ดื่มแล้วไม่เบื่อ
  • ใบหญ้าหวาน (Stevia) ให้รสหวานแทนน้ำตาล สำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงการกินน้ำตาล
  • ดอกคำฝอย เพิ่มสีส้มสวย และยังมีส่วนช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย
  • เปปเปอร์มินต์ ให้กลิ่นเย็นสดชื่น
  • ชะเอมเทศ ช่วยเพิ่มความหวานโดยไม่ใช้น้ำตาล
  • มะตูมแห้ง หอม อ่อนโยน แก้กระหาย

กลิ่นรสเหล่านี้ทำให้ชาชงสมุนไพรไม่ขมฝาดเหมือนเดิม และในมุมของการดูแลสุขภาพ การดื่มชาชงสมุนไพรเป็นเหมือนการช่วยให้ร่างกายกลับมาอยู่ในจุดสมดุล บางสูตรเน้นช่วยขับลม บางสูตรช่วยลดการอักเสบ บางสูตรมีฤทธิ์อ่อน ๆ ในการช่วยขับของเสีย โดยไม่มีสารเคมี ไม่ต้องพึ่งยา และที่สำคัญคือ สามารถดื่มได้ประจำ โดยไม่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลในระยะยาว

ธาตุหนัก - ธาตุเบา กับการชงชา รู้ไว้ก่อนเลือกดื่มชาชงสมุนไพร
คำว่า "ธาตุหนัก" และ "ธาตุเบา" เป็นแนวคิดที่มักพบในภูมิปัญญาไทยพื้นบ้าน, การแพทย์แผนไทย และบางครั้งก็มีอิทธิพลจากแนวคิดแบบตะวันออก เช่น ธาตุสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) คำเหล่านี้ใช้เพื่ออธิบายสมดุลของธาตุในร่างกาย หรือสถานะของสุขภาพกายและใจในแต่ละช่วง ซึ่งมีผลต่อการเลือกอาหาร สมุนไพร หรือวิธีดูแลร่างกาย แต่คำว่า “ธาตุหนัก” กับ “ธาตุเบา” ในบริบทของการขับถ่าย หรือความไวของระบบทางเดินอาหารต่อสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเป็นการใช้คำแบบพื้นบ้านที่คนไทยคุ้นเคยกันดีเช่นกัน

ธาตุหนัก คืออะไร?
  • คนที่มีระบบย่อยและลำไส้ “ทน” หรือ “แข็งแรง” พอสมควร
  • ขับถ่ายยาก หรือขับถ่ายเป็นเวลา วันละ 1 ครั้ง (หรือวันเว้นวัน)
  • ไม่ค่อยท้องเสียง่าย แม้จะกินของแปลก หรืออาหารไม่สะอาด
  • แต่ในบางรายอาจมีแนวโน้ม “ท้องผูก” หรือ “แน่นท้อง” เพราะระบบขับถ่ายเคลื่อนตัวช้า
ตัวอย่าง: คนที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด กินส้มตำเผ็ด ๆ หรือของหมักดองก็ยังไม่เป็นไร ไม่ถ่ายท้องง่าย

ธาตุเบา คืออะไร?
  • คนที่มีลำไส้ไวต่อสิ่งกระตุ้น ระบบขับถ่ายตอบสนองเร็ว
  • กินอะไรแปลก ๆ ไปนิดเดียว อาจทำให้ถ่ายท้องง่าย
  • ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้ง หรือมากกว่านั้นถ้ามีสิ่งกระตุ้น เช่น คาเฟอีน สมุนไพร หรือของมัน
ตัวอย่าง: ดื่มนมสด หรือกินอาหารทะเลนิดเดียว ก็อาจวิ่งเข้าห้องน้ำได้ทันที



ในบริบท “ชาชงสมุนไพรช่วยระบาย” ควรเลือกแบบไหน?
แนะนำให้เริ่มจากการชงเบา ๆ และดื่มก่อนนอน วันเว้นวัน เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวได้อย่างปลอดภัย และเลือกชาชงสมุนไพรให้เหมาะกับตัวเอง
  • เลือกสูตรที่มีส่วนผสมหลักจากพืชหรือสมุนไพรธรรมชาติ 100%
  • ควรเลือกสูตรที่มีการระบุปริมาณสมุนไพรชัดเจน
  • หลีกเลี่ยงสูตรที่ใส่สารแต่งกลิ่น/รสสังเคราะห์มากเกินไป
  • ทดลองดื่มจากชงอ่อน ๆ ก่อนแล้วค่อยปรับเพิ่มเวลาในการชงชาสมุนไพร
  • ช่วงเวลาการชงชา คนธาตุเบา แช่ชาชง 10 นาที คนธาตุหนัก แช่ชาชง 20 นาที


TIP: แช่ชาชงนาน = สมุนไพรออกฤทธิ์มากขึ้น ดื่มตอนท้องว่าง = ออกฤทธิ์เร็ว → ควรดื่มก่อนนอน แล้วสังเกตการขับถ่ายในตอนเช้า

ข้อดี VS ข้อควรระวัง
ข้อดี
  •  เป็นทางเลือกจากธรรมชาติแทนยาระบาย
  • ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกาย
  • ดื่มง่ายกว่าการกินสมุนไพรแบบต้ม
  • สะดวก พกพาง่าย ชงดื่มได้ในทุกวัน
ข้อควรระวัง:
  • ไม่ควรดื่มติดต่อกันเกิน 7 วัน หากไม่มีการขับถ่ายที่ดีขึ้น
  • เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • หากชงเข้มเกิน อาจเกิดอาการปวดบิดหรือถ่ายเหลวได้

“ชาชงสมุนไพรยุคใหม่” ไม่ใช่เครื่องดื่มเชย ๆ อีกต่อไป ด้วยกลิ่นและรสชาติที่พัฒนาให้ดื่มง่ายขึ้น พร้อมคุณประโยชน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ ชาชงจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเครื่องดื่มที่ทั้ง หอม อร่อย และดีต่อสุขภาพ ลองเปลี่ยนจากชาชงเดิม ๆ ที่คุณเคยดื่ม แล้วเปิดใจให้กับ “ชาระบายสายเฮลท์ตี้” ดูสักครั้ง คุณอาจจะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัว
ที่มา:
[1] ท้องผูกเรื้อรัง ลำไส้พัง ไม่รู้ตัว / รพ.นครธน
[2] ชาสมุนไพร คุณประโยชน์ที่ดื่มได้ทุกวัน
[3] ดื่มชาอย่างไรดีต่อสุขภาพ (Tea)
[4] ชาสมุนไพร 8 ชนิดสำหรับบรรเทาอาการท้องผูก
[5] สมุนไพรบรรเทาอาการท้องผูก 
[6] ชาชนิดใดที่สามารถนำมาใช้บรรเทาอาการท้องผูกได้?
 
Other Articles