Home Fit Trend FOOD FOR FIT หญ้าหวาน สตีเวีย ในเทรนด์ Zero Sugar และ Low Carb

หญ้าหวาน สตีเวีย ในเทรนด์ Zero Sugar และ Low Carb

สำหรับสายเฮลท์ตี้คงคุ้นเคยกันดีว่า Zero Sugar & Low Carb เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังเปลี่ยนโลกของคนกินหวานแต่อยากสุขภาพดีให้ กินหวานได้แบบไม่รู้สึกผิด หรือ กินหวานได้ แต่ไม่พังสุขภาพ เพราะยังมีคนอีกจำนวนมากที่ อยากกินของหวานแต่ก็กลัวอ้วน หรือ อยากกินของหวานแต่ก็กลัวน้ำตาลพุ่ง อยากกินหวานแต่กลัวโรคเบาหวานจะถามหา เป็นต้น

เรารู้กันดีว่า “หวานจัด แป้งเยอะ” คือ ปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจ แต่ถ้าเราเลือกหวานและแป้งอย่าง “มีสติ” ก็สามารถรักษาสุขภาพและความอร่อยไว้พร้อมกันได้

ในขณะที่โลกออนไลน์ เพิ่งผ่านกระแส 10YearChallenge ไปไม่นาน โดยคนดังหุ่นแซ่บอย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ Jennifer Lopez ได้ปลุกเทรนด์ใหม่ 10-Day No Sugar, No Carb Challenge ด้วยการร่วมปฏิบัติการ งด-ไม่แตะต้องน้ำตาล และไม่แตะต้องคาร์โบไฮเดรต เป็นเวลา 10 วัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ หุ่นเป๊ะ หน้าตาเปล่งปลั่ง และแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกหันมาดูแลตัวเอง [1
 
และยังมีการตอกย้ำถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับสุขภาพเข้าไปอีก เมื่อกระแสความนิยม Zero Sugar & Low Carb ในต่างประเทศกับเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลในสหรัฐฯ ที่ระบุไว้ว่าอเมริกาเหนือเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มปราศจากน้ำตาล Sugar Free ใหญ่ที่สุดในโลก โดยข้อมูลจาก mordorintelligence ระบุไว้ในปี 2566 ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ปราศจากน้ำตาล ประมาณ 19.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าในปี 2571 ประเทศสหรัฐอเมริกา น่าจะมีมูลค่าการจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ปราศจากน้ำตาล ถึง 23.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการคาดการณ์ว่าในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2566-2571 จะมีการเติบโต เฉลี่ยถึง 3.98% ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การดูแลสุขภาพ และปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้คนหันมาสนใจอาหารและเครื่องดื่มที่ปราศจากน้ำตาลในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น
  1. ความวิตกกังวลในเรื่องของสุขภาพที่ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงผลกระทบด้านลบของน้ำตาลต่อสุขภาพมากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคมองหาสินค้าทางเลือกที่ปราศจากน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลการวิจัยของ American Society for Nutrition พบว่าประชากรสูงวัยและประชากรฮิสแปนิกมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานมากกว่าประชากรทั่วไป
  2. นวัตกรรมอาหารที่มีการพัฒนาให้รสชาติอาหารดีขึ้น มีส่วนช่วยทำให้สินค้าที่ปราศจากน้ำตาลมีรสชาติดีขึ้น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ เช่น หญ้าหวานและสารสกัดจากผลไม้ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเปิดใจ และหันมาทดลองและชื่นชอบสินค้าปราศจากน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น
  3. เทรนด์การลดน้ำหนักและการออกกำลังกายที่กำลังเป็นที่นิยม ทำให้ชาวอเมริกันพยายามที่จะควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพ โดยหันมาบริโภคสินค้าที่มีแคลอรี่ต่ำและปราศจากน้ำตาล ซึ่งสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดปริมาณแคลอรี่ในร่างกายและสามารถตอบสนองความต้องการความหวานได้ ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้เกิดความสมดุลในไลฟ์สไตล์ของการควบคุมน้ำหนัก
  4. หน่วยงานที่กำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับอาหารของสหรัฐฯ ได้ตระหนักถึงบทบาทของสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล และได้มีการกำหนดกฎระเบียบที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุปทานในตลาด โดยมีกรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับการใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งหลักเกณฑ์ของ FDA ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอาหารที่ “ปราศจากน้ำตาล” สามารถมีน้ำตาลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นส่วนประกอบหรือเติมน้อยกว่า 0.5 กรัม/มื้อ ซึ่งช่วยทำให้สินค้าปราศจากน้ำตาลที่มีน้ำตาลในปริมาณที่ต่ำมาก สามารถเข้ามาสร้างโอกาสในตลาดสหรัฐฯ ได้ [2]

ยุคนี้คนห่วงใยสุขภาพมากขึ้นพอ ๆ กับผู้ที่ชื่นชอบในการหาของอร่อย ๆ กิน ดังนั้นเทรนด์ Zero Sugar และ Low Carb จึงตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่ไม่อยากเลือกแค่กินเพื่อสุขภาพ หรือกินเพื่อความอร่อยเพียงอย่างเดียว และการกินหวานที่ไม่มีน้ำตาล มันไปด้วยกันได้จริง ๆ



Zero Sugar คือ การกินหวานแบบไม่รู้สึกผิด โดยที่อาหาร ขนม เครื่องดื่ม หรือแม้แต่กาแฟแก้วโปรดของคุณ อาจจะยังมีรสชาติหวานจัดได้อยู่ แต่เป็นการเปลี่ยนรสชาติความหวานที่มาจากน้ำตาลทราย ให้มาเป็นหญ้าหวาน หรือ สตีเวีย (Stevia) สารให้ความหวานจากธรรมชาติ ที่แทบไม่มีแคลอรี่ หรือไม่มีแคลอรี่ ไม่กระตุ้นอินซูลิน และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นอีกด้วย น่าทึ่งไหมที่ Zero Sugar ให้คุณกินหวานแบบไม่รู้สึกผิด ให้คุณสามารถปรุงรสหวานจากหญ้าหวานลงในแก้วเครื่องดื่ม และได้ความหวานอร่อยเหมือนเดิม แต่ร่างกายไม่ต้องรับแคลอรี่เกินจำเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว [3]

Low Carb คือ การกินแป้งได้ แต่เลือกให้เป็น ย่อมาจาก Low Carbohydrate ซึ่งไม่ได้หมายความว่า Low Carb นั้นห้ามกินข้าวหรือขนมปังไปตลอดชีวิต แต่เป็นการเลือกกินคาร์โบไฮเดรตคุณภาพ เช่น ข้าวกล้อง ผัก ถั่ว และลดหรือจำกัดคาร์บที่ดูดซึมเร็ว เช่น น้ำตาล แป้งขัดขาว เป็นต้น โดยจะเน้นกินอาหารกลุ่มโปรตีนเป็นหลัก

ด้วยเพราะว่าการกินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต (แป้ง) เข้าไป ร่างกายจะย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลและเปลี่ยนเป็นพลังงาน หากร่างกายใช้พลังงานเหล่านี้ไม่หมด ก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมัน สะสมตามร่างกายที่เคลื่อนไหวน้อย และเกิดเป็นภาวะโรคอ้วน ดังนั้นเมื่อลดการกินอาหารประเภทแป้งลง จะทำให้ร่างกายดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงานแทน ทำให้น้ำหนักลดลงจากการเผาผลาญไขมันโดยตรง ซึ่งทำให้สายเฮลตี้ที่กินแนว Low Carb หลายคนเริ่มตื่นตัว เมื่อรู้ว่าการลดคาร์บเพียง 20-30% ต่อวัน มีส่วนทำให้น้ำหนักลดลงได้โดยไม่ต้องอดอาหารนั่นเอง [4]

ความนิยมของ Zero Sugar และ Low Carb
การเติบโตของตลาดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low-Carb) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 5.5% ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2027 [5]
 
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เน้น Zero Sugar และ Low Carb อย่างต่อเนื่อง เช่น ขนมปัง ขนมขบเคี้ยว Low Carb พุดดิ้ง Zero Sugar ที่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังปฏิบัติตามวิธีไดเอทของสาย Zero Sugar และ Low Carb นั่นเอง

แล้วนี่คือสิ่งที่ผู้ที่ต้องการจะเป็นสายสุขภาพ Zero Sugar & Low Carb ต้องทราบว่า!
  • หวานพอดีที่น้ำตาล 4 กรัม ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก WHO แนะนำให้ควรบริโภคความหวานจากน้ำตาลเพียงวันละ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 25-30 กรัม/วัน ซึ่งสอดคล้องกับ สสส. หรือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่รณรงค์ให้มีการใช้น้ำตาลซองสำหรับใส่เครื่องดื่มให้ขนาดเล็กลง ภายใต้โครงการ “หวานพอดีที่ 4 กรัม” เพื่อช่วยลดการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวัน ด้วยเพราะว่า น้ำตาล 1 ช้อนชา ให้พลังงาน 16 แคลอรี่ ซึ่งในผู้ที่ดื่มน้ำหวานวันละ 2 แก้ว ก็จะได้รับพลังงานแคลอรี่ เกิน 6 ช้อนชา ทุกวันโดยไม่รู้ตัว [3]
  • หญ้าหวาน หรือ สตีเวีย (Stevia) เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติ ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 10-15 เท่า แต่ 0 แคลอรี่ หรือ ไม่ให้พลังงานเลย และหากเป็นใบหญ้าหวานสกัด หรือ สารสกัดจากหญ้าหวาน จะมีความหวานถึง 200-300 เท่า แต่พลังงานแคลอรี่แทบเป็น 0% เช่นเดียวกัน ซึ่งองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป อนุญาตให้มีการใช้สารสกัดจากใบหญ้าหวานเป็นสารทดแทนความหวานแทนน้ำตาล สามารถผสมลงในเครื่องดื่มได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และสำหรับประเทศไทย อนุญาตให้มีการผลิตและจำหน่ายสารสกัดจากใบหญ้าหวาน (สตีเวีย) ได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยกระทรวงสาธารณสุข [3]

ถึงจะกิน Low Carb ก็ยังหวานอร่อยได้ เปิดโลกหญ้าหวาน อีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ
 


หญ้าหวานคืออะไร? ทำไมถึงเป็นดาวเด่นของกลุ่มคนรักสุขาพ
หญ้าหวาน หรือ สตีเวีย เป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศแถบทวีปอเมริกาใต้อย่างประเทศปารากวัยและประเทศบราซิล โดยที่ใบของหญ้าหวานมีสารให้ความหวานตามธรรมชาติ เช่น สตีวิโอไซด์ (Stevioside) และ รีบาวดิโอไซด์ เอ (Rebaudioside A) ซึ่งมีรสชาติความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วไปถึง 200-300 เท่า แต่ให้พลังงานแคลอรี่ต่ำมาก หรือแทบไม่มีพลังงานแคลอรี่เลย

หญ้าหวานปลอดภัยหรือไม่?
หญ้าหวาน หรือ สตีเวีย ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากหลายองค์กรด้านอาหารและสุขภาพว่า ปลอดภัยสำหรับการบริโภค ตัวอย่างเช่น 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ประกาศให้สารสกัดบริสุทธิ์จากหญ้าหวาน (Reb A) เป็นสารที่ปลอดภัย (GRAS) สำหรับใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่ม

องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าการบริโภคหญ้าหวานในขนาดไม่เกิน 4 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน (Steviol equivalents) เป็นระดับที่ปลอดภัยสำนักงาน

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย อนุญาตให้ใช้ประโยชน์หญ้าหวาน (สตีเวีย) ในอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยมีการควบคุมปริมาณอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยรองรับ ว่าการบริโภคหญ้าหวาน หรือ สตีเวีย ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง

หญ้าหวานเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือไม่?
หญ้าหวาน (สตีเวีย) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากประโยชน์หญ้าหวานนั้นไม่มีส่วนในการช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด และไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน

มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Dietary Supplements (2016๗) แสดงให้เห็นว่าประโยชน์หญ้าหวานสามารถช่วยควบคุมหรือรักษาระดับของน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้

สมาคมโรคเบาหวานอเมริกัน (ADA) สนับสนุนการใช้สารให้ความหวานพลังงานต่ำ เช่น สตีเวีย Stevia หรือ หญ้าหวาน เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างปลอดภัย

ด้วยเหตุนี้ หญ้าหวานจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมไปถึงผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงน้ำตาล ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่กำลังลดความอ้วน ซึ่งการลดการบริโภคน้ำตาล โดยใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้นั่นเอง



หญ้าหวานใช้แทนน้ำตาลในทุกเมนูได้หรือไม่?
สำหรับในทุกเมนูอาหารหรือเครื่องดื่มของคุณที่ต้องการปรุงรสชาติความหวานนั้น “หญ้าหวาน” หรือ สตีเวียนี้ สามารถนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพื่อปรุงรสชาติความหอมหวานอร่อยลงในอาหารและเครื่องดื่มของคุณได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้, ขนมหวาน เค้ก คุกกี้ ไอศกรีม, อาหารคาว ซอส หรือเมนูที่ต้องการรสหวานบางส่วน และสามารถปรุงบนเตาไฟ ในภาชนะหม้อ กระทะ ที่กำลังใช้ความร้อนสูงได้ แต่ก็มีข้อควรพิจารณา เช่น หญ้าหวานไม่มีคุณสมบัติในการทำให้น้ำตาลไหม้ (คาราเมลไลซ์) จึงอาจไม่เหมาะกับในบางเมนู เช่น ทอฟฟี่ หรือ ขนมที่ต้องการสีน้ำตาลไหม้ เป็นต้น [6]

การบริโภคหญ้าหวานมีผลข้างเคียงกับร่างกายหรือไม่?
โดยทั่วไปหญ้าหวานไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับสุขภาพร่างกาย หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ด้วยเพราะหญ้าหวานเป็นพืช หรือวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจพบว่า มีรสขมเล็กน้อยติดปลายลิ้น (ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสารสกัด) และหากบริโภคหญ้าหวานร่วมกับสารให้ความหวานชนิดอื่น เช่น อิริทริทอล (erythritol) อาจทำให้รู้สึกแน่นท้องหรือท้องเสียในบางราย เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง ควรเลือกผลิตภัณฑ์หญ้าหวานที่ได้รับการรับรองคุณภาพ และหลีกเลี่ยงการใช้เกินขนาดที่แนะนำ [6]

อีกทั้งผลิตภัณฑ์หญ้าหวานสกัดคุณภาพดีจะมีลักษณ์เป็นผงสีขาวละเอียด ผ่านกระบวนการสกัดให้บริสุทธิ์ ไม่มีแคลอรี ไม่ทำให้ฟันผุ ทนความร้อนสูง (ใช้ปรุงอาหารหรืออบขนมในเตาได้) สำหรับผู้ที่อยากเลี่ยงน้ำตาลแต่ก็ยังอยากกินของหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

ใส่ใจตัวเองวันนี้ เพราะสุขภาพดีสร้างไม่ได้ในวันเดียว และหญ้าหวาน เป็นทางเลือกที่ดี คือจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด ที่เราควบคุมได้ในทุกมื้ออาหาร
ที่มา
[1] อยากลีนต้องลอง! #NoCarbsNoSugar ปฏิบัติการท้างดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต แผนชาเลนจ์เพื่อหุ่นแซ่บของ J.Lo โดย จุฑารัตน์ อเนกทรัพย์สกุล, พฤภัทร ทรงเที่ยง
[2] เทรนด์อาหารและเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลในสหรัฐฯ / กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
[3] Sugar free ดีจริงไหม ปลอดภัยหรือเปล่า
[4] Low-Carb Diet เทรนด์การลดน้ำหนักด้วยการพร่องแป้ง / CH9 AIRPORT HOSPITAL
[5] การเติบโตของตลาดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low-Carb)
[6] ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับหญ้าหวานใน 1 บทความ
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ